วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

ไร่องุ่นดงเจริญ (ไร่องุ่นขจรฟาร์ม)

ไร่องุ่นดงเจริญ (ไร่องุ่นขจรฟาร์ม)


        ไร่องุ่นดงเจริญ (ไร่องุ่นขจรฟาร์ม) เป็นไร่องุ่นพันธุ์ดีในพื้นที่ 200 ไร่ พันธุ์ที่มีชื่อเสียงคือพันธ์แบล็คควีน ซึ่งองุ่นที่ได้จากไร่นำมาผลิตไวน์ยี่ห้อ "ชาโต เดอ ชาละวัน" ไร่องุ่นดงเจริญ (ไร่องุ่นขจรฟาร์ม)เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทิวทัศน์ที่สวยงามของไร่องุ่น ได้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกองุ่นทั้งสำหรับทำไวน์ องุ่นทานเป็นผลสดๆ ชมโรงบ่มไวน์ ที่ไร่องุ่นนี้ จะออกผลให้ซื้อทานได้ในช่วง มีนาคม - เมษายน กรกฎาคม - สิงหาคม และช่วงที่ออกผลดีที่สุด คือช่วงพฤศจิกายน - ธันวาคม










          ...ใครที่ชอบองุ่นเป็นพิเศษห้ามพลาดกับไร่องุ่นที่มีคุณภาพและบรรยากาศรอบๆที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไร่องุ่นดงเจริญ (ไร่องุ่นขจรฟาร์ม)




ที่ตั้ง :  ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข11 ถึงแยกมูลนาก-ตากฟ้า - นครสวรรค์ ให้เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 13 กิโลเมตร 
เวลาเปิด-ปิด :  เปิดบริการทุกวัน 08.00 - 17.00 น.
โทรศัพท์ :  05663 3555-6 , 026731153-4 , 0816754345

                              


ขอบคุณข้อมูลจาก : http://thai.tourismthailand.org/



ขจรฟาร์ม (ฟาร์มนกกระจอกเทศ)

ขจรฟาร์ม (ฟาร์มนกกระจอกเทศ)

           
          ขจรฟาร์ม (ฟาร์มนกกระจอกเทศ) เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงนกกระจอกเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีนกกระจอกเทศเลี้ยงภายในฟาร์มมากถึง 1,000 ตัว นอกจากนกกระจอกเทศแล้วบริเวณรอบๆ ฟาร์ม ยังมีบ่อเลี้ยงจระเข้ นกยูง กวาง หมูป่า และสัตว์อื่นๆ ให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง เพราะสามารถพักผ่อน ดูสัตว์ต่างๆ หรือพาเด็กมาเที่ยวทัศนศึกษา และบรรยากศโดยรอบเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม
















ที่ตั้ง : 121 หมู่ 2 ตำบลวังงิ้ว อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร ห่างจากตัวเมืองพิจิตรประมาณ 57 กิโลเมตร ไปทางอำเภอตะพานหินถึงบ้านเขาทราย แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 11 ไปอีก 12 กิโลเมตร ถึงแยกบางมูลนาก-นครสวรรค์ เลี้ยวขวาไปตามทางเดียวกับเหมืองแร่ยิบซั่มอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงแยกบ้านโคกสนั่น-บ้านตลิ่งชัน จะมีป้ายฟาร์มนกกระจอก เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 7 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 3 กิโลเมตร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน 08.00 - 17.00 น.
โทรศัพท์ : 056-601004-5 
โทรสาร 0 5660 1006 หรือ 0 2673 1153-4, 08 1657 4345



ขอบคุณข้อมูลจาก : http://thai.tourismthailand.org/





อุทยานเมืองเก่าพิจิตร

  อุทยานเมืองเก่าพิจิตร

















           อุทยานเมืองเก่าพิจิตร  เป็นเมืองโบราณที่มีเนื้อที่ประมาณ 400 ไร่เศษ ประกอบด้วย กำแพงเมือง คูเมือง ฯลฯ เชื่อว่าเป็นเมืองพิจิตรเก่า ภายในอุทยานจัดเป็นสวนรุกชาติ ที่มีความร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ เป็นสถานที่พักของชาวเมืองพิจิตร มีถ้ำชาละวัน ศาลเจ้าแม่ศรีมาลา และรูปปั้นตัวละครสำคัญๆ ในวรรณคดีเรื่องไกรทอง มีซากพระปรางค์ วัดมหาธาตุ อันเป็นสถานที่ขุดพบศิลปะ เครื่องปั้นดินเผา และพระพุทธรูปสมัยต่างๆ







• ศาลหลักเมือง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2520 อาคารถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ด้านบนจะเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง ส่วนด้านล่างจะเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของพระยาโคตรบองซึ่งชาวบ้านเรียกว่า พ่อปู่









"พ่อปู่พระยาโคตรบองเทวราช"














• วัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานก่อด้วยอิฐที่ตั้งอยู่กลางเมืองพิจิตรเก่า เจดีย์ทรงลังกาซึ่งภายในมีพระเครื่องชนิดต่างๆ ซึ่งได้ถูกลักลอบขุดค้นไป ด้านหน้าพระเจดีย์คือวิหารเก้าห้อง ด้านหลังพระเจดีย์เป็นพระอุโบสถ มีใบเสมา 2 ชั้น ดูขลังจากรากไทรที่เกาะอยู่หน้าบัน บริเวณใต้เนินดินส่วนวิหารยังพบสิ่งก่อสร้าง 2 ยุคสมัยคือสมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยา รวมทั้งเจดีย์รายจำนวนมากและแนวกำแพงขนาดใหญ่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติอีกด้วย





• ถ้ำชาละวัน วรรณคดีชื่อดังเรื่องไกรทอง บทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 2 โดยมีลักษณะเป็นถ้ำลึกลงไปในดิน ด้านหน้ามีรูปปั้นไกรทองและชาละวันที่ทางจังหวัดได้สร้างไว้ มีเรื่องเล่าว่า เมื่อประมาณ 65 ปีมาแล้ว พระภิกษุวัดนครชุมรูปหนึ่งจุดเทียนไขเดินเข้าไปในถ้ำ จนหมดเทียนเล่มหนึ่งก็ยังไม่ถึงก้นถ้ำ จึงไม่ทราบว่าภายในถ้ำชาละวันจะสวยงามวิจิตรพิสดารเพียงใด ปัจจุบันดินพังทลายทับถมจนตื้นเขิน 










• เกาะศรีมาลา  เป็นมูลดินคล้ายเกาะเล็กๆ กลางคูเมืองนอกกำแพงเก่า มีคูล้อมรอบเกาะแต่ตื้นเขิน สันนิษฐานว่าแต่เดิมน่าจะเป็นป้อม หรือหอคอยรักษาการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง























ที่ตั้ง : ตำบลโรงช้าง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร  ใช้เส้นทางสายพิจิตร-สามง่าม-วังจิก ทางหลวงหมายเลข 115 และ ทางหลวงหมายเลข 1068 ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 6 
โทรศัพท์ : 056-612675-6
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00-17.00 น.





ขอบคุณข้อมูลจาก : http://thai.tourismthailand.org/



วัดท่าหลวง (พระอารามหลวง)

วัดท่าหลวง(พระอารามหลวง)




          วัดท่าหลวง(พระอารามหลวง) องค์หลวงพ่อเพชร เป็นศูนย์รวมใจของชาวเมืองพิจิตร เคารพนับถือและสักการะเป็นอย่างมาก เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามทรงรูปศิลป์แล้วพระพุทธลักษณะ องค์หลวงพ่อเพชรเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่นแรกหล่อด้วยโลหะสำริด ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร ซ้ายสังฆาฎิสั้นเหนือพระอุระ ขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ 6 นิ้ว สูง 3 ศอก 3 นิ้ว ที่ที่ประทับนั่งนบฐานที่มีรูปบัวคว่ำบัวหงายรอบรับ หลวงพ่อเพชรยังเป็นพระพุทธรูปทรงอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยกิตติศัพท์นานัปประการเมื่อใครได้ไปเที่ยวเมืองพิจิตรจะต้องไปนมัสการหลวงพ่อเพชร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ที่ว่าหลวงพ่อเพชรทรงอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์นั้น เมื่อใครมีเรื่องเดือดร้อน เช่น ของหาย หรือมีความทุกข์ยากที่จะบนบานศาลกล่าวขออำนาจหลวงพ่อเพชรให้ช่วยปกป้องรักษา หรือปัดเป่าความทุกข์ยากให้หมดไป 

        








         ...นักท่องเที่ยวที่ไปจังหวัดพิจิตรอย่าลืมไปสักการะองค์หลวงพ่อเพชรกันนะคะ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ชาวเมืองพิจิตรบอกมาว่าศักดิ์สิทธิ์จริงๆค่ะ 




ที่ตั้ง : อยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ถนนบุษบา (ใกล้ศาลากลางจังหวัดเก่า) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร




ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.phichit.go.th/

วัดเขารูปช้าง

วัดเขารูปช้าง




          วัดเขารูปช้าง เป็นวัดที่มีโบราณสถานที่มีความโดดเด่นเป็นสง่านั่นคือ เจดีย์แบบลังกา ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีหินสีขาวซ้อนกันดูคล้ายช้าง แต่เดิมนั้นเป็นเจดีย์เก่ามาก่อนและทางวัดได้ปฏิสังขรณ์ใหม่เมื่อประมาณ 20 ปีมานี้ โดยประดับกระเบื้องเคลือบสีทองทั้งองค์ มีรั้วรอบองค์เจดีย์ สำหรับลานกว้างบนยอดเขา ทางวัดได้สร้างวิหารใหญ่ขึ้นหลังหนึ่งและมีเจดีย์เก่าอยู่องค์หนึ่งเป็นเจดีย์แบบลังกาทรงเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยา มีตัวระฆังเป็นกลีบมะเฟืองแต่ยอดเจดีย์หักแล้ว นอกจากนั้นยังมีมณฑปแบบจตุรมุขหลังเก่าอยู่ใกล้กับโบสถ์หลังใหม่ ภายในมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสำริด ที่ฝาผนังมีภาพเขียนเรื่องไตรภูมิพระร่วงด้วย










รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า





ที่ตั้ง : ถนนพิจิตร - ตะพานหิน ตำบลดงป่าคำ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร  




ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.phichit.go.th/


บึงสีไฟ

  บึงสีไฟ



      
         บึงสีไฟ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรกันเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อันดับสามของประเทศที่มีเนื้อที่ประมาณ 5,000  บรรยากาศรอบๆ ของบึงสีไฟ มีความสงบและเป็นธรรมชาติที่สวยงาม จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองพิจิตรที่สำคัญแห่งหนึ่ง และสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจคงไม่พ้นความสวยงามของพระอาทิตย์ตกกลางบึงสีไฟที่สวยงามมากจริงๆค่ะ มาเที่ยวกันเยอะๆนะคะ






สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ  ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2527 สามารถพักผ่อนสบายๆ ณ สวนริมบึง ให้อาหารปลา และชมพระอาทิตย์กำลังตก ถ้าไปกับคู่รักโรแมนติกน่าดูเล






• รูปปั้นพญาชาละวัน รูปปั้นจระเข้ด้านหน้าบึงสีไฟ ที่มีความยาวถึง 38 เมตร กว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร พิเศษตรงที่ภายในเป็นห้องประชุมขนาด 25-30 ที่นั่ง ตรงนี้ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของที่บึงสีไฟเลยค่ะเพราะว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่บึงสีไฟแห่งนี้ต้องมาถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นพญาชาละวัน ถ้าไม่มาถ่ายถือว่ามาไม่ถึงนั่นเอง




สถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอาคารเป็นรูปดาวเก้าแฉกที่สร้างยื่นล้ำลงไปในบึงสีไฟ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "ศาลาเก้าเหลี่ยม" ภายในประกอบด้วยตู้แสดงพันธุ์ปลามากกว่า 20 ชนิด และมีการสับเปลี่ยนชนิดของปลาเป็นประจำ ตรงกลางของอาคารเป็นช่องเปิดสำหรับชมปลาพันธุ์ต่างๆ ในบึงสีไฟซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารปลาและนำมาให้ได้ ที่นี่อยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิจิตร เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการค่ะ 




วิดีโอแนะนำสถานที่เที่ยวบึงสีไฟจาก : https://www.youtube.com/watch?v=zSE5ydVv_9U



ที่ตั้ง : 19 คลองคะเชนทร์ อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัด พิจิตร 66000 อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดพิจิตรไปทางทิศตะวันตก 1 กิโลเมตร
โทรศัพท์ : 056-611309 
เวลาเปิด-ปิด : วันธรรมดา 09.00-18.00 น. วันหยุดราชการ 09.00-19.00 น.
   


ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.phichit.go.th/