วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ดอกไม้เมืองหนาว



     ดอกไม้เมืองหนาว คือ ดอกไม้ที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูหนาว ดอกไม้เมืองหนาว ในเมืองไทยก็ปลูกกันเยอะและที่เชียงใหม่ก็เป็นแหล่งขายส่งดอกไม้สดขนาดใหญ่ มีดอกไม้หลายชนิดให้เลือกซื้อ เช่น ดอกคาร์เนชั่น ดอกเบญจมาศ ดอกลิลลี่ ดอกสแตติช ดอกยิบโซ ดอกแกลดิออรัส ดอกกุหลาบดอกใหญ่ ตัดดอกขายเกือบตลอดปี ดอกไม้เมืองหนาว สวยงามมากเวลาบานสะพรั่ง คนจึงนิยมนำไปตกแต่งหรือประดับบ้านและจัดงานต่างๆกันอย่างมาก วิธีเลือกซื้อ ดอกไม้เมืองหนาว ควรเลือกดอกที่ยังตูม หรือเพิ่งเริ่มแย้มกลีบ ดูช่อที่ดอกสมบูรณ์ ก้านแข็ง โคนดอกสีเขียวสด


     ดอกไม้เมืองหนาว ชอบขึ้นตามเทือกเขาและอากาศที่เย็น คนที่หลงใหล ดอกไม้เมืองหนาว หาดูได้แถบภาคเหนือ มวลหมู่ดอกไม้งามหลากหลายชนิดพากันผลิดอกชูช่อไสว รอคอยนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชม และที่โครงการหลวง เป็นโครงการส่วนพระองค์ ที่เลื่องชื่อลือชาเรื่องความงามของดอกไม้และเกษตรกรรมเมืองหนาวนานาพรรณ สำหรับคนที่ชื่นชอบดอกไม้หลงใหลไปกับสีสันสดใสของไม้ดอกไม้ใบอร่ามงดงาม และ ดอกไม้เมืองหนาว นานาชนิด ซึ่งก่อเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง เป็นที่น่าภูมิใจของคนไทย ทรงใช้พื้นที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางแห่งนี้เป็นพื้นที่วิจัยเหล่าพรรณพืชเมืองหนาวมนต์เสน่ห์แห่งดอกไม้ หนาวนี้รีบเดินทางไปสัมผัสในความงาม ดอกไม้เมืองหนาว กันนะคะ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ดีเลิศจริงๆ

หนาวนี้เอาดอกไม้พร้อมชื่อเฉพาะทางเหนือมาฝากกัน
สำหรับใครที่จะขึ้นไปเที่ยวเมืองเหนือจะได้รู้จักชื่อเฉพาะนะ

1.ดอกลำดวน

     ดอกหอมนวล หรือ ลำดวน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Melodorum fruticosum Lour.) 
เป็นไม้ดอกชนิดหนึ่งมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นพันธ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลจังหวัดศรีสะเกษนอกจากนี้ดอกหอมนวลยังเป็นดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงด้วยเช่นกัน
     ดอกหอมนวลเป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 5 - 20 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปกรวย หนาทึบ ลำต้นเปลาตรง มีเปลือกสีน้ำตาล แตกขรุขระเป็นสะเก็ด ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก กว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 5-11.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลมโคนใบสอบหรือมน ดอกมีสีนวลกลิ่นหอม ออกเดี่ยวตามซอกใบที่ปลายกิ่ง กลีบดอกหนาและแข็ง กลีบดอก ชั้นนอก 3 กลีบแผ่ออก ชั้นใน 3 กลีบ หุบเข้าหากัน เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ลักษณะผล เป็นผลกลุ่ม ทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.6 เซนติเมตร สีเขียว เมื่อสุกสีดำ รสหวานอมเปรี้ยว

2.ดอกราชพฤกษ์

     ราชพฤกษ์ หรือ ลมแล้ง (อังกฤษ: Golden shower; ชื่อวิทยาศาสตร์: Cassia fistula)
เป็นไม้ดอกในตระกูล Fabaceae เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียใต้ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถาน ไปจนถึงอินเดีย พม่า และศรีลังกา ดอกราชพฤกษ์เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในที่โล่งแจ้ง สามารถปลูกได้ทั้งดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย ดินร่วนเหนียว ทนต่อความแห้งแล้งและดินเค็มได้ดี แต่ไม่ทนในอากาศหนาวจัด ซึ่งอาจติดเชื้อราหรือโรคใบจุดได้

3.ดอกเอื้องสามปอยหลวง

     เอื้องสามปอยหลวง (เป็นดอกไม้ต้องห้ามในสมัยก่อน โดยใช้เป็นเครื่องราชบรรณาการแด่กษัตริย์ล้านนา ซึ่งคนธรรมดาสามัญชนจะมีไว้ในครอบครองไม่ได้)
     เอื้องสามปอยหลวง (Vanda benbonii) เป็นกล้วยไม้แวนด้าใบแบน มีถิ่นกำเนิดทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีลักษณะคล้ายกับสามปอยชมพู มีใบกว้างและยาวกว่าเล็กน้อย ดอกช่อหนึ่งมีประมาณ 10 ดอก ดอกมีกลีบนอกและกลีบในมีสีขาวอมเหลืองกลีบดอกห่าง หูปากทั้งสองข้างสีขาวแผ่นปากสีเขียวเหลือบเหลือง ปากเว้าเดือยสั้น รูปดอกใหญ่ขนาดดอกโตประมาณ 7 เซนติเมตร ออกดอกเดือนมีนาคม-พฤษภาคม

4.ดอกหงอนไก่

หงอนไก่ หรือ ดอกด้าย ชื่อวิทยาศาสตร์: (Celosia argentea L. var. cristata (L.) Kuntze)
ไม้ล้มลุก สูงประมาณ 1.0-1.5 ม. ลำต้นเป็นสัน แตกกิ่งก้านสาขามาก 
ผิวขรุขระ
     ใบ ใบเรียงสลับ ใบเดี่ยว รูปหอกหรือรูปแถบแคบ กว้าง 1-6 ซม. ยาว 8-15 ซม. โคนใบแหลม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นคลื่นและมีไข
ปกคลุม เส้นใบนูนเด่นด้านท้องใบ 
     ดอก ดอกช่อออกที่ปลายยอด ช่อดอกกว้าง 1.5-2.0 ซม. ช่อดอกมี 2 แบบคือ รูปทรงกระบอกและแบบรูปหงอนไก่ บางครั้งพบทั้งสองแบบในต้นเดียวกัน กลีบรวมมี 4 กลีบ รูปขอบขนานแกมรูปไข่ ยาว 0.6-1.0 ซม. เกสรเพศผู้ปลายแหลมมี 5 อัน ฐานรองดอกเชื่อมติดกันเป็นแผ่นย่น เป็นก้อนกลม ใบประดับรองดอกขนาดเล็กเป็นเส้นคล้ายกำมะหยี่ ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบดอกมีหลายสี เช่น แดงสด ขาว และเหลือง
     ผล ผลรูปไข่ค่อนข้างกลม สีดำเป็นมัน ขนาดเล็ก ผลแห้งแตกแบบมีฝาเปิด สีน้ำตาลอ่อน เมล็ดสีดำ เป็นมัน


5.ดอกพวงไข่มุก

     พวงไข่มุก หรือ ดอกอูน (ชื่อวิทยาศาสตร์Sambucus simpsonii Rehder)
ทางปราจีนบุรีเรียก ระป่า ทางแพร่เรียก อุนหรืออุนฝรั่ง เป็นไม้พุ่ม ลำต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 4 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้าม ใบย่อย 2-6 คู่ รูปขอบขนานแกมใบหอกหรือรูปไข่แกมใบหอก กว้าง 2-5 ซม. ยาว 6-15 ซม. ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยจำนวนมาก กลีบดอกสีขาว ขนาดเล็ก ผลสด รูปทรงกลม สีม่วงเข้ม ดอกมีกลิ่นหอม 

6.ดอกหางนกยูง

     หางนกยูงไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ (Caesalpinia pulcherrima (L.) Sw)
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า จำพอ ซำพอ (แม่ฮ่องสอน), ขวางยอย (นครราชสีมา), ชมพอ ส้มพอ ส้มผ่อ พญาไม้ผุ (ภาคเหนือ), นกยูงไทย (ภาคกลาง), หนวดแมว (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน, ฉานแม่ฮ่องสอน), หางนกยูง เป็นต้น
     ดอกหางนกยูงสีเหลืองสามารถนำมาต้มกับน้ำ แล้วใช้อมเพื่อบรรเทาอาการปวดฟันได้ (ดอกของต้นดอกเหลือง)
     รากมีรสเฝื่อน นำมาต้มหรือฝนกินเป็นยาแก้วัณโรคในระยะที่สาม (การนำมาใช้เป็นยาโดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ต้นที่มีดอกสีแดง) (รากของต้นดอกแดง)
     เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาถ่ายพยาธิ (เมล็ด)
     รากใช้ปรุงเป็นยาขับประจำเดือนของสตรี (รากของต้นดอกแดง)
     รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้บวม (ราก)


ที่มา : 1.https://mickeyfon105.wordpress.com
           2.http://www.nongmaiclub.com
           3.https://th.wikipedia.org
           4.http://www.il.mahidol.ac.th
           5.http://frynn.com

4 ความคิดเห็น:

  1. เนื้อหาดี แต่ควรแบ่งเนื้อหาออกเป็นหลายๆบทความ

    ตอบลบ
  2. ภาพดอกไม้สีสวยเหมือนขนมจังเลย น่ากินจัง
    เนื้อหาและภาพประกอบชัดเจนมากค่ะ ชอบๆ

    ตอบลบ
  3. เนื้อหาโอเค แต่น่าจะมีดอกไม้มากกว่านี้ และเเบ่งเนื้อหาที่กำลังศึกษาออกเป็นหลายๆบทความคะ

    ตอบลบ