9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

     
นอกจากความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์ชเวดากองแล้ว ยังมีเจดีย์น้อยใหญ่พระพุทธรูปอีกมากมายที่อยู่ในบริเวณเทือกเขาเชียงกุตระ ถ้ายังไม่เคยรู้ วันนี้ผมขอนำเสนอเกี่ยวกับ 9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รายรอบเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งชาวเมียนมาร์เชื่อว่า 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้จะทำให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริง
................................................................................................................

 
 Pa damya Myetshin ta wagu /

1.Tawagu wish-Fulfilling Buddha

      พาดัมญามิดชิ่นพญา ตั้งอยู่ในช่องด้านหลังบันไดทางทิศตะวันออก พื้นที่ส่วนนี้จำกัดเฉพาะผู้ชาย แต่หากสตรีสนใจจะสักการะเคารพบูชาก็สามารถทำได้ผ่าน CCTV ตามธรรมเนียมท้องถิ่นเชื่อว่ามีทับทิมที่มีพลังวิเศษอยู่ภายใน พระเนตรของพระพุทธรูปนั้นเสมือนดวงตาของมนุษย์จริง ด้วยเหตุนี้พระทาวากูจึงรู้จักกันในชื่อพระพุทธรูปเนตรทับทิมเสมือนจริง (พาดัมญามิดชิ่นพญา) ในอดีตช่วงที่กษัตริย์พม่าหรือมอญครองราชย์ จะห้ามเจ้าชายหรือรัชทายาทขึ้นมาไหว้พระพุทธรูปนี้ เพราะเกรงว่าจะก่อกบฎ เนื่องจากเชื่อกันว่าพระพุทธรูปพาดัมญาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่หากขออะไรไปแล้วก็จะได้สำเร็จเสร็จสมดังที่ปรารถนา
 
 2.The Weitzer Zawgyi Pagoda (Pagoda of Wizards and Necromancers)

     เจดีย์วิศะซอวจี จะอยู่ใกล้พระประจำวันเสาร์ และอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเจดีย์หลัก สร้างขึ้นโดย Dow Oo ของ Sint Oo Dan Street กรุงย่างกุ้ง ความมหัศจรรย์ของเจดีย์นี้เชื่อว่าถูกสร้างจากพลังเหนือธรรมชาติ บางคนเชื่อว่าความเจริญก้าวหน้าจะมาถึงหากมาทำสมาธิที่นี่เป็นประจำ
 

  Shin Saw Pu /  Shin ma htee


3.Shin Saw Pu
     พระพุทธรูปชินซอวพู อยู่ใกล้หัวมุมทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สร้างโดยพระนางเชงสอบู กษัตริย์หญิงเพียงองค์เดียวของอาณาจักรมอญ แห่งราชวงศ์หงสาวดี พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในผู้ที่บูรณปฏิสังขรณ์จนเจดีย์ชเวดากองมีรูปทรงดังปัจจุบัน พระพุทธรูปนี้อยู่ใกล้กับ ระฆังมหาคันธร ของเจ้าราชบุตรสิงคุ ทางหัวมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ชเวดากอง พระพุทธรูปองค์นี้เชื่อว่าสามารถบันดาลให้สมความปรารถนาและสร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดกับงาน 


4.Shin Ma Hti Buddha

     พระพุทธรูปฉิ่นมาชีประดิษฐานทางทิศเหนือห้องสวดมนต์ของเจดีย์เนืองดอวจี เชื่อกันว่าพระสงฆ์ฉิ่นมาชีสร้างเจดีย์นี้มาประมาณ 1000 ปีที่แล้ว  ตามตำนานเล่าว่าเจดีย์ถูกสร้างขึ้นเมื่อพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้ามาถึงในครั้งแรก โดยตปุสสะและภัทลิกะสองพี่น้องวานิช ต่อมาพระเจ้าโอกกลาปะ ได้สร้างเจดีย์ชเวดากองแบบจำลองไว้บริเวณนี้ อีกตำนานบอกว่าตปุสสะ ผู้พี่ได้รับพระเกศธาตุอีก 1 เส้น เมื่อเดินทางไปอินเดียอีกครั้ง จึงได้อัญเชิญมาไว้บริเวณนี้และสร้างเจดีย์องค์เล็กอีก 1 องค์ แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนทางโบราณคดี ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดคือ เจดีย์เนืองดอวจีสร้างเพื่อเป็นแบบจำลองโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของเจดีย์ชเวดากอง เมื่อตอนพระนางเชงสอบูบูรณปฏิสังขรเจดีย์ชเวดากองเมื่อศตวรรษที่ 15


 Shin Izza Gawna / Buddha's hair relic

5.Shin Itzagawna Buddha
 
     พระพุทธรูปฉิ่นอิทซ่ากาวน่า : ฉิ่นอจาโกวนา พระพุทธรูปนี้อยู่ทางด้านทิศใต้ของเจดีย์เนืองดอวจี พระพุทธรูปจะมีพระเนตรทั้งสองข้างที่มีขนาดแตกต่างกัน เนื่องจากความเชื่อที่ว่าผู้สร้างเจดีย์นี้ อจาโกนาได้รับการเปลี่ยนถ่ายดวงตาจากโคและแพะอย่างละข้างด้วยพลังวิเศษ เพื่อทดแทนดวงตาที่สูญเสียไปของเขา

     ตามตำนานอจาโกนาเป็นพระภิกษุสงฆ์จากพุกามยุคต้นที่มีประการณ์ในการเล่นแร่แปรธาตุ เขาพยายามที่จะหาหินอาถรรพ์ ซึ่งสามารถที่จะเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นทอง ในการทดลองของตัวเอง เขาใช้หินโลหะจุ่มลงในกรด แต่ผลที่ได้กลับล้มเหลว เพื่อยอมรับความผิดพลาด เขาจึงยอมไถ่โทษโดยการควักดวงตาทั้งสองข้างออกต่อหน้ากษัตริย์ แล้วจึงโยนหินอาถรรพ์ลงไปยังหลุมส้วม ความประหลาดใจจึงบังเกิด เพราะส่วนประกอบสุดท้ายที่จะทำให้กลายเป็นหินอาถรรพ์คืออุจจาระ ด้วยต้องการแสดงอำนาจหินในมือ เขาจึงให้สามเณรไปซื้อตาคู่ของวัวหรือแพะ แต่สามเณรสามารถหาได้เพียงตาแพะและตาวัวอย่างละข้าง ด้วยความช่วยเหลือของหินอาถรรพ์ พระภิกษุจึงสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้งจากดวงตาทั้งสองที่หามาได้ แต่กระนั้นก็ทำให้ดวงตาของเขาแตกต่างจากคนอื่น จึงเรียกกันว่า Ajagona หรือ รามกระทิง


6.Sandawdwin Pagoda

    เจดีย์ซ่านดอววิน คือเจดีย์ที่พระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าได้รับการสรง เจดีย์นี้เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเหนือบ่อน้ำที่พระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าจะถูกสรงก่อนที่จะประดิษฐานในเจดีย์ชเวดากอง
     ตามตำนานคนส่วนใหญ่เชื่อว่า พระเกศาทั้ง 8 เส้นของพระพุทธเจ้าได้นำมาสรง ก่อนที่จะขึ้นประดิษฐาน และยังมีการสลักภาพบนผนัง ระหว่างใบไม้และดอกไม้ ยังมีพี่น้องสองวานิช คือตปุสสะและภัลลิกะ ที่ได้รับพระเกศธาตุศักสิทธิ์จากพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่ถวายข้าวสตุก้อนและข้าวสตุผง วิหารศักสิทธิ์สร้างขึ้นเหนือบ่อน้ำพุที่ใช้เพื่อทำความสะอาดพระเกศา ต่อมาประดับตกแต่งด้วยงานกระเบื้อง กล่าวกันว่าน้ำในบ่อน้ำพุได้รับการหล่อเลี้ยงโดยน้ำจากแม่น้ำเอยาวดี (อิรวดี)
  

 Boe Boe aung/Labamunni

7.Boe Boe Aung

     วิหารเจ้าโบโบ่อ่อง อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเจดีย์ชเวดากอง โบโบ่อ่องผู้สร้างเชื่อว่าเขามีพลังเหนือธรรมชาติ และใช้พลังอำนาจนั้นสร้างวิหารขึ้นมา สำหรับโบโบ่อ่องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงตอนต้นของศตวรรษที่ 19 จากพลังเหนือธรรมชาติของเขา ชาวเมียนมาร์หลายคนเชื่อกันว่าเพราะพลังทำให้เขามีชีวิตยืนยาว และปัจจุบันเขายังมีชีวิตอยู่ คอยดูแลคนที่ศรัทธาในตัวเขา

         
8.Kukusandha Buddha:เล่เพ็ดเล็ด

     พระพุทธรูปที่อยู่ภายในอารามแห่งความศรัทธาทางทิศตะวันออก ความแตกต่างจากพระพุทธรูปองค์อื่นอยู่ที่พระหัตถ์ขวาหงายขึ้นแทนที่จะคว่ำลง พระพุทธรูปองค์นี้มีหลายชื่อ เช่น Latpetlet (Latpatlet) Buddha , Shwe Let Hlan Buddha , Yadana Labamuni Buddha and Shwe Let Pyan Buddha

(Lapatlet ในภาษาพม่าหมายถึงการหงายมือขึ้น)
    

        
 Pya Dar Shin

9.Pyadashin Buddha Image

     พญาดาชิน พระพุทธรูปทองเหลืองตั้งอยู่ทางทิศใต้ถึงทิศตะวันออกบริเวณอารามแห่งความศรัทธาของเจดีย์ชเวดากอง ระหว่างวิหารและพระพุทธรูปประจำวันอังคาร มีความเชื่อกันว่า ลูกปาระทะ (Pyadashin หรือหินศักดิ์สิทธิ์) ที่ประดิษฐานอยู่ในพระเศียรของพระพุทธรูป ทำให้พระนลาฎยื่นออกมาเล็กน้อย

  


          แต่สำหรับบางท่าน อาจบอกว่าเจดีย์ซานดอววินในลำดับที่ 6 ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็น 1 ใน 9 สิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่รายรอบพระเจดีย์ แต่พวกเขากล่าวว่า วัดธรรมเจดีย์ และธรรมปาล คือ 1 ในสิ่งมหัศจรรย์นั้น โดยวัดนี้จะอยู่ใกล้วิหารหลักทางทิศตะวันออก และหันหลังให้กลับวิหารโบโบอ่อง ภายในวัดนั้นจะมีพระพุทธรูป 2 องค์ ทางเข้าจะมีราชสีห์และเสือเฝ้า ซึ่งแตกต่างจากวัดอื่นๆทั่วไปที่มีจะมีสิงห์คู่หรือสัตว์ในตำนานเฝ้าอยู่  คนพื้นเมืองเชื่อกันว่าสามารถมองเห็นรังสีสะท้อนของเพชรที่อยู่บนยอดเจดีย์ชเวดากองด้วยเพียงตาเปล่า ซึ่งหากขยับเพียงก้าวเดียวก็จะเห็นเปลี่ยนเป็นสีต่างๆทั้งแดง ส้ม ขาว เขียว ฟ้า ซึ่งเพชรด้านบนยอดขององค์พระธาตุเจดีย์ได้รับประทานมาจากพระเจ้าธรรมเจดีย์ แห่งราชวงศ์หงสาวดี (ผมสัมผัสมาแล้ว จริง)

     นี่เป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ผมได้อ่านมาเจอจึงนำมารวบรวมและแปลในแบบฉบับของตนเอง เพื่อให้ทุกท่านที่ได้ไปจะได้แวะชมให้ครบ ชมแบบให้รู้ว่ามีสถานที่ใดที่น่าจะแวะไปบ้าง เพราะบางทีข้อมูลที่ได้รับก็มีแต่เดิมๆ ไปทั้งทีนอกจากความยิ่งใหญ่ที่จะได้สัมผัสแล้ว ก็ไมม่ควรจะพลาดสถานที่สำคัญและมหัศจรรย์รอบๆพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองด้วย

     เนื่องจากแปลเองและภาษาอังกฤษก็ยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่ถ้าหากข้อมูลส่วนใดผิดพลาดก็ขอ อภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ...สวัสดี

ปัณฑ์ จันทร์แก้ว


...............................................................................................................
คลิกที่ภาพเพื่อดูรัศมีของเพชรบนยอด



 ......................................................................................
อ่านเรื่องราวอื่นๆได้

เครดิต: Credit
 
......................................................................................
อื่นๆ
ราชวงศ์หงสาวดี : ราชวงศ์ฟ้ารั่ว (ราชาธิราช)
Shin Sawpu : Shin Sawbu ในไทยอาจมีชื่อเรียกพระนางหลายชื่อ เช่น พระนางเชงสอบู แสจาโป (อัครมเหสีอันเป็นที่สนิทเสน่หายิ่งนัก) พระนางพระยาท้าว ตละเจ้าปุ ตละเจ้าท้าว ตะละเจ้าขัติยราชินี และพระนางพระยาตละเจ้าเท้า (Binnya Thau)
King Dhammazedi: พระเจ้าธรรมเจดีย์ : พระมหาปิฎกธร : พระเจ้ารามาธิบดีชินพะยูเยน : ศรีบวรมหาธรรมราชาธิราช : พญาหงสาวดี
Singu Min : เจ้าราชบุตรสิงคุ : พระเจ้าจิงกูจา : เซงกูเมง 
ปะราทะ เป็นคำบาลี-สันสกฤต คำไทยเรียกว่า ปรอท
ภาพจาก 凯君  เกลาโดย Amore

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ